เพราะเศรษฐกิจมีการเปลี่ยนแปลงทุกปี แนวโน้มของการทำการตลาดต่าง ๆ จึงต้องมีการปรับตัวเพื่อรับมือกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป ซึ่งอย่างที่ DIGITORY เคยนำเสนอไปแล้วว่า เทรนด์การตลาดปี 2020 นั้น ข้อมูลเชิงลึกและการเข้าใจผู้บริโภคเป็นสิ่งที่สำคัญมาก สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ ที่นี่ การที่เรามีข้อมูลเชิงลึกและมีการวิเคราะห์ข้อมูลที่ดีจะทำให้เราสามารถนำเสนอสินค้าและบริการได้ตรงตามความต้องการของลูกค้ามากที่สุด
ซึ่งหากดูจากความเปลี่ยนแปลงด้านธุรกิจในหลายปีที่ผ่านมา จะพบว่า เทคโนโลยีที่พัฒนาทำให้การแข่งขันทางการตลาดโดยเฉพาะอย่างยิ่ง การตลาดออนไลน์ มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ผู้ที่พร้อมปรับตัวก่อนก็มีโอกาสจะเป็นผู้นำในตลาดได้ไม่ยาก
ขณะที่ผู้บริโภค ก็จะมีความซับซ้อนในการตัดสินใจมากขึ้น เพราะผู้บริโภคยุคใหม่เป็นผู้ที่ก้าวทันเทคโนโลยีและมีความคิดที่เป็นของตัวเองมากขึ้น ดังนั้น การวิเคราะห์ผู้บริโภคในยุคดิจิทัล จำเป็นต้องมองภาพรวมในรูปแบบ Customer Journey Ecosystem ที่แบรนด์ต้องเข้าใจทุกขั้นตอนของความต้องการของผู้บริโภค
ดังนั้น สิ่งสำคัญในตอนนี้คือการเตรียมความพร้อมในการรับมือการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่จะเกิดขึ้น โดยย้อนกลับมาที่หัวใจ 5 ข้อ BASIC ของการตลาด ยุค Digital Economy ซึ่งประกอบไปด้วย B – Beyond Tools, A – Advocacy is the key, S – Strategic Shift, I – Integrated Platform และ C – Customer Experience
B – Beyond Tools
แม้เทคโนโลยีที่เกิดขึ้นในยุค 5G จะพัฒนาไปแค่ไหน แต่อย่าลืมว่า “อุปกรณ์” ไม่มีความสำคัญเท่าผลลัพธ์จากการใช้งานจริง ดังนั้น จะต้องวางกลยุทธ์ให้ชัดเจนและมีเป้าหมายที่แน่นอน เพื่อนำไปปรับใช้กับอุปกรณ์ที่เหมาะสม เพราะเครื่องมือยุคนี้มีให้เลือกหลากหลาย หากลงทุนอุปกรณ์แบบไม่มีเป้าหมายก็จะเสียต้นทุนไปแบบเปล่าประโยชน์
A – Advocacy is the Key
ในยุคที่ผู้บริโภคสามารถเชื่อมต่อถึงกันด้วยโซเชียลเน็ตเวิร์ค การทำให้กลุ่มเป้าหมายเป็นลูกค้าประจำและกลายเป็นกระบอกเสียงให้แบรนด์จึงเป็นสิ่งสำคัญมาก ดังนั้น การสื่อสารแบบโฆษณาล้วน ๆ ไม่มีข้อมูลที่มีประโยชน์ให้ลูกค้านำไปเป็นส่วนประกอบในการตัดสินใจเลย ย่อมเป็นการทำงานที่เสียเปล่า แบรนด์จึงควรสร้างให้กลุ่มลูกค้าหลักมีความจงรักภักดี เพื่อให้เป็นกระบอกเสียงที่บอกต่อแก่ลูกค้ากลุ่มอื่น ๆ และสร้างโอกาสใหม่ ๆ ให้กับสินค้าของเรา
S – Strategic Shift
รูปแบบของ 4P ยุคใหม่ คือ
- Product = เทคโนโลยีทำให้เกิดสินค้าและบริการรูปแบบใหม่
- Pricing = คนรุ่นใหม่จ่ายเมื่อต้องการใช้ ควรแสดงราคาให้ชัดเจน ถ้าลูกค้ารับได้ จะกดจ่ายตามราคานั้นทันที เพราะลูกค้าจะไม่ชอบความวุ่นวายในการต้องทักเพื่อถามราคาสินค้า
- Place = ร้านค้าแบบเดิมจะถูกเปลี่ยนเป็น Marketplace อย่าง Shopee, LAZADA, JD คือช่องทางการขายใหม่ที่ทุกแบรนด์ต้องมี
- Promotion = เน้นการสร้างคุณค่ามากกว่าแค่การลดแลกแจกแถมทั่วไป เพราะของถูกก็ดีแต่ลดมากไปจากราคาขายจริง ลูกค้าดูออกว่าไม่ดีจริง แต่ราคาแพงไปไม่จัดโปรโมชั่นเลย ก็จะทำให้ลูกค้าไม่กล้าซื้อเช่นกัน
I – Integrated Platform
ดิจิทัลไม่ใช่แค่สื่ออีกต่อไป แต่เป็นความเปลี่ยนแปลงในโลกของผู้บริโภคไปแล้ว รวมทั้งพฤติกรรมของผู้บริโภคยุคใหม่ก็เปลี่ยนไป นักการตลาดต้องเข้าใจ Customer journey อย่างแท้จริง และออกแบบช่องทางการขายให้สอดคล้องกับผู้บริโภคยุคนี้ให้มากที่สุด เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในทุก ๆ จังหวะเวลา
C – Customer Experience
ยุคนี้จะแยกประสบการณ์ออกเป็น Online หรือ Offline ไม่ได้แล้ว แต่ต้องรวมกันเป็น All Experience หรือที่นักการตลาดชอบเรียกว่า Omni Channel ที่ครอบคลุมผู้บริโภคทุกด้านอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็น ช่องทางการจำหน่าย ประสบการณ์กับสินค้า พนักงานขาย คอนเทนต์และการสื่อสารทุกรูปแบบ ที่สำคัญคือ การส่งมอบประสบการณ์ในยุคนี้จะต้องเป็นไปแบบถูกที่ถูกเวลา
ลองนำกลยุทธ์ดังกล่าวไปปรับใช้ในการวางแผนการตลาดให้กับธุรกิจของคุณ โดยอย่าลืมสิ่งสำคัญคือการเข้าใจความต้องการของผู้บริโภค เพื่อการตลาดที่มีประสิทธิภาพ