ทุกวันนี้ไม่ว่าจะเลื่อนหน้าจอไปทางไหน คงไม่มีใครหนีคำว่า “Y2K” ได้พ้น เพราะไม่ว่าจะแพลตฟอร์มไหนก็จะได้เจอกับคำ ๆ นี้ ด้วยเทรนด์ใหม่ที่มาแรงแบบฉุดไม่อยู่ โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่น Gen Z ที่เป็นคนกลุ่มหลักที่ส่งต่อความฮิตของเทรนด์นี้กันแบบไม่มีที่สิ้นสุด จนกลายเป็นว่าความเป็น Y2K นี้กลับมามีอิทธิพลต่อวัยรุ่นยุคใหม่ได้แม้ว่าจะเป็นเทรนด์ที่เคยครองใจวัยรุ่นมาก่อนเมื่อ 20 ปีที่แล้ว
แม้ว่าผู้คนจะคุ้นหูและได้ยินคำว่า Y2K กันบ่อย ๆ แต่เชื่อว่ายังมีอีกไม่น้อยเลยที่ยังไม่รู้จักและเข้าใจความหมายว่า Y2K คืออะไร เทรนด์การแต่งตัวสไตล์ Y2K แท้จริงแล้วเป็นอย่างไร หรือแม้แต่ท่า Y2K ที่ฮิตทำกันใน TikTok นั้นมาได้อย่างไร หากใครที่กำลังหาคำตอบจากคำถามเหล่านี้อยู่ เรามาไขข้อสงสัยไปพร้อม ๆ กันในบทความนี้ได้เลย
เข้าใจความเป็น Y2K
Y2K คือ คำที่ย่อมาจากคำว่า Year (Y), 2, Kilo (K) หมายถึง Year 2000 โดยเรื่องราวของความเป็น Y2K ก่อนจะมาเป็นเทรนด์ฮิตในทุกวันนี้ เป็นเรื่องราวความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในช่วงปี 2000 ที่มีเทคโนโลยีอย่างคอมพิวเตอร์เข้ามาแล้ว สมัยนั้นมีการใช้ข้อมูลตัวเลขปี ค.ศ. แบบตัดเลข เช่น ปี 1998 ก็จะใส่ข้อมูลในคอมพิวเตอร์เป็น 98 แต่เมื่อถึงปี 2000 ตัวเลขก็จะต้องเป็น 00 ทำให้ผู้คนกลัวว่าคอมพิวเตอร์จะเข้าใจว่าเป็นการไปเริ่มปี 1900 ใหม่และอาจทำให้ไม่สามารถข้ามผ่านไปยังปี 2000 ได้ แต่เมื่อเวลาผ่านมาถึงปี 2022 – 2023 คำว่า Y2K ก็กลับมาอีกครั้ง แต่มาในรูปแบบของแฟชันและไลฟ์สไตล์อันเป็นเอกลักษณ์อย่างที่เราได้เห็นกันนั่นเอง
แฟชัน Y2K ที่ครองใจวัยรุ่น Gen Z
การแต่งตัวสไตล์ Y2K นั้น กลับมาสร้างสีสันให้กับกลุ่มวัยรุ่นทั่วโลกได้ ซึ่งเราจะเห็นได้ชัดจากกลุ่มวัยรุ่นไทย รวมไปถึงศิลปินต่างประเทศที่สนุกไปกับเทรนด์นี้ โดยเอกลักษณ์ของการแต่งแนว Y2K จะเน้นสีสันฉูดฉาด ความสนุก และแฝงความขี้เล่นอยู่ในการแต่งตัว นอกจากนั้นสิ่งที่เราจะได้เห็นจากแฟชัน Y2K นี้ ก็คือความกล้าและมั่นใจ เพราะการแต่งตัวสไตล์ Y2K จะมีทั้งกระโปรงสั้น กางเกงเอวต่ำ เสื้อแขนกุด เสื้อเอวลอย หรือเสื้อที่พอดีกับตัวคนใส่ เป็นเสื้อผ้าที่ค่อนข้างทำให้เห็นสัดส่วนของคนแต่งได้อย่างชัดเจน ผิดกับแฟชันเมื่อไม่กี่ปีก่อนหน้าที่จะชอบหาเสื้อผ้าที่ใส่แล้วพรางหุ่นหรือสัดส่วนของตนเองเสียมากกว่า เห็นได้จากกางเกงเอวสูงพรางต้นขา หรือเสื้อโอเวอร์ไซซ์โคร่ง ๆ ที่ฮิตมากอยู่ช่วงหนึ่งนั่นเอง
อยากเก๋ ต้องไลฟ์สไตล์แบบ Y2K
นอกจากการแต่งตัวสไตล์ Y2K เราก็จะได้เห็นในเรื่องของไลฟ์สไตล์ Y2K ที่ไวรัลไม่แพ้กัน อย่างท่า Y2K ที่เราจะเห็นกันบ่อยในแพล็ตฟอร์ม TikTok หรือโซเชียลมีเดียอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นท่าแลบลิ้น ชูสองนิ้ว นิ้วจิ้มแก้มแล้วหลับตาหนึ่งข้าง หรือชูมือขึ้นแล้วบิดเอว ดูแล้วก็เหมือนเป็นการล้อเลียนท่าถ่ายรูปฮิต ๆ ของวัยรุ่นในสมัยปี 2000 ที่ย้อนกลับมาทำใหม่ในเวอร์ชันของวัยรุ่น Gen Z ซึ่งก็ทำให้เกิดเป็นความบันเทิงและสร้างสีสันได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว
เหตุผลที่ทำให้ Y2K กลับมารันวงการแม้ผ่านมาแล้ว 20 ปี
หลายคนก็คงจะอดสงสัยไม่ได้ว่าเพราะอะไร Y2K ถึงกลับมาทำให้วงการแฟชันต้องเดินทางย้อนกลับไปในวันวานเมื่อครั้ง 20 ปีก่อน ทั้งที่ควรจะเป็นแฟชั่นยุคใหม่หรือแฟชั่นที่แปลกใหม่ไปมากกว่าการนำของเดิมกลับมาฉายซ้ำเช่นนี้ ซึ่งก็ต้องบอกไว้ก่อนเลยว่าการแต่งตัวสไตล์ Y2K ก็มีเสน่ห์ที่ต้องบอกต่อและมีความสมเหตุสมผลที่จะกลับมาเป็นกระแสได้จริง ๆ
เพราะ Y2K มาพร้อมกับความสนุกในการแต่งตัว
แนวการแต่งตัวสไตล์ Y2K นั้น แสดงให้เห็นถึงความกล้าและมั่นใจของผู้แต่งกายได้ด้วย ถ้าหากลองย้อนกลับไปในช่วงปี 2000 การแต่งตัวสไตล์ Y2K ค่อนข้างจำกัดเฉพาะคนที่มีรูปร่างผอมบางหรือหุ่นดี เพราะเสื้อผ้าจะมีความพอดีตัว เน้นให้เห็นสัดส่วน และในสมัยนั้นก็ไม่มีการผลิตไซซ์สำหรับคนอวบ แต่เมื่อมาถึงปัจจุบันแฟชัน Y2K มีความเปิดกว้างไปถึงคนทุกรูปร่าง ไม่ว่าจะมีรูปร่างอย่างไรก็สามารถสนุกกับการแต่งตัวในสไตล์นี้ได้ ซึ่งนั่นก็เป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ของความเป็น Y2K ที่ทำให้ทุกคนกลับมาสนุกกับการแต่งตัวมากขึ้น
Y2K กับการแสดงออกถึงตัวตนที่แท้จริง
การแต่งตัวสไตล์ Y2K ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่แฝงมาด้วยคือ การที่ทุกคนกล้าแสดงออกถึงตัวตนของตัวเองมากขึ้น จะเห็นได้ว่าคนที่ออกมาตามเทรนด์จะค่อนข้างมีสไตล์เป็นของตัวเองสูง และกล้าที่จะแต่งตัวแบบไม่กังวลอะไร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องหุ่นหรือสีผิว ทุกคนมีความอิสระ และไม่มีใครโฟกัสที่ข้อบกพร่องใด ๆ อีกแล้ว ผิดจากเมื่อ 20 ปีก่อนที่ผู้คนยังคงกังวลถึงจุดบกพร่องมากมายของตนเอง จนลืมไปว่าแท้จริงแล้วร่างกายก็เป็นของเรา มีสิทธิ์ที่จะแต่งกายอย่างไรก็ได้เพียงแค่เราชอบและมั่นใจ
หลายคนคงจะได้ไขข้อสงสัยกันแล้วว่า Y2K คืออะไร และจากที่เราได้อธิบายมาข้างต้นก็อาจจะเห็นได้ถึงความเปลี่ยนแปลงและความเป็นไปของวงการแฟชันว่าไม่มีอะไรที่แน่นอน เพราะอย่างการแต่งตัวสไตล์ Y2K ที่เข้ามามีอิทธิพลมากในปัจจุบันนี้ ก็ไม่ได้มีใครคิดมาก่อนว่าแฟชันในสมัย 20 ปีก่อนจะกลับมามีบทบาทและเป็นแรงสั่นสะเทือนได้ถึงขนาดนี้ ไม่แน่ว่าต่อไปเราอาจจะได้เห็นแฟชันในยุคหลักร้อยหรือพันปีก่อนที่จะย้อนกลับมาให้เราได้ตามเทรนด์กันไปอีกครั้งก็เป็นได้ แต่อย่างไรเราก็ต้องรอติดตามกันต่อไปในอนาคต ได้แต่หวังว่าทุกคนจะสนุกไปกับแฟชันและการแต่งตัวในทุกซีซัน สำหรับใครที่ไม่อยากพลาดคอนเทนต์ดี ๆ แบบนี้ สามารถติดตามต่อได้ที่ DIGITORY เรามีสาระมากมายที่พร้อมเสิร์ฟทุกคนอยู่เสมอ