Digital Nomad รูปแบบการทำงานที่มาแรงในยุคนี้ และเป็นกระแสที่เปิดโอกาสให้คนทั่วไปสามารถเข้าถึงอาชีพนี้ได้ทุกคน เพราะเป็นแนวทางในการทำงานมีความเป็นอิสระสูง ไม่ต้องเข้าออฟฟิศ แถมยังสามารถเดินทางท่องโลกกว้างไปได้ตามต้องการ เพียงแค่มีอุปกรณ์ที่สามารถรองรับการทำงานที่พกพาและเชื่อมต่อผ่านระบบอินเทอร์เน็ตได้ จึงเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่มีความเป็นอิสระทั้งในเรื่องของเวลา สถานที่ ที่ทำงานได้ตามเวลาที่ต้องการ บทความนี้เราจะพาทุกคนมารู้จักกับ Digital Nomad ให้ลึกมากยิ่งขึ้นกัน
Digital Nomad คืออะไร
Digital Nomad คือ การทำงานในยุคใหม่ที่สามารถทำงานที่ใดก็ได้ทั่วโลก (คำว่า Nomad แปลตรงตัวว่า เร่ร่อน, พเนจร) Digital Nomad จึงหมายถึงการทำงานในรูปแบบดิจิทัลที่ใดก็ได้บนโลกใบนี้นั่นเอง เป็นรูปแบบการทำงานที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ ในทุกวันนี้ เนื่องด้วยสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมาทำให้หลายองค์กรก้าวเข้าสู่การทำงานแบบดิจิทัลอย่างเต็มตัว ทั้งด้านการทำงาน การประชุม หรือการสื่อสารกันภายในทีม ซึ่งการใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ เข้ามานี้เองทำให้เกิดการงานทำงานรูปแบบใหม่อย่าง Digital Nomad ขึ้น โดยวิธีนี้สามารถตอบโจทย์การทำงานและไลฟ์สไตล์ของคนบางกลุ่มที่ชื่นชอบความเป็นอิสระที่สามารถทำงานและท่องเที่ยวไปได้ในตัว
Digital Nomad จึงเป็นเทรนด์การทำงานของกลุ่มคนที่รักความเป็นอิสระ สามารถพาตัวเองไปยังสถานที่ต่าง ๆ ได้ทั่วโลกโดยไม่ผูกติดกับออฟฟิศที่ต้องเข้างานตามเวลา หรือหากแปลตามตัวก็จะหมายถึงคนที่ทำงานอย่างไม่มีหลักแหล่ง เปลี่ยนที่ทำงานไปได้ตลอดเวลาสามารถทำงานได้จากทุกที่ทั่วโลก เพียงแค่มีอุปกรณ์ทำงานที่สามารถเชื่อมต่อผ่านระบบอินเทอร์เน็ต รับ-ส่งงานได้ตรงตามเวลา แต่กลุ่มคนที่จะทำงานลักษณะนี้ได้ต้องมีความรับผิดชอบสูงตามมาด้วยเช่นกัน
Digital Nomad มีข้อดีอย่างไร
การทำงานแบบ Digital Nomad สามารถช่วยให้คนที่ทำงานลักษณะนี้มีความเป็นอิสระสูง อีกทั้งยังมีข้อดีในด้านต่าง ๆ อีกมากมาย เช่น
- มีความคิดสร้างสรรค์มากยิ่งขึ้น กลุ่มคนที่ทำงานลักษณะนี้ไม่จำเป็นต้องเข้าทำงานที่ออฟฟิศ จึงมีเวลาคิดและสร้างสรรค์ไอเดียใหม่ได้ง่ายยิ่งขึ้น จากการได้เดินทางไปยังที่ต่าง ๆ ทั่วโลกตามที่ต้องการ
- ไม่ต้องเดินทางเข้าออฟฟิศ ช่วยปลดล็อกการทำงานกับสถานที่เดิม ๆ สร้างความตื่นเต้นให้กับวันทำงานของเราได้ อีกทั้งยังสามารถเลือกสถานที่ทำงานตามความต้องการของตัวเองได้อีกด้วย
- วางแผนการทำงานได้ด้วยตัวเองทุกขั้นตอน เพราะเราสามารถวางแผนตั้งแต่ขั้นเริ่มต้นของการทำงาน กำหนดเวลาส่งงาน และขั้นตอนการทำงานแต่ละขั้นตอนได้ด้วยตัวเอง โดยไม่ถูกควบคุม และยังกำหนดเวลาการทำงานได้ด้วยตัวเอง
ตัวอย่างสายอาชีพที่เป็น Digital Nomad ได้
สายอาชีพที่สามารถทำงานแบบ Digital Nomad ได้นั้นมีหลากหลาย เพราะสามารถทำงานได้อย่างอิสระและยังสอดรับกับอาชีพนี้โดยตรง เช่น
ตัวอย่างงานสาย Tech
Web Developer หรือ Programmer เป็นงานที่เกี่ยวข้องกับการเขียนโปรแกรมหรือระบบออนไลน์ต่าง ๆ ที่สามารถทำงานได้จากทุกที่ทั่วโลก เพียงแค่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตก็สามารถทำงานได้ทุกที่ทุกเวลา ซึ่งอาชีพเหล่านี้สามารถเข้าสู่สายอาชีพ Digital Nomad ได้อย่างลงตัวเพียงแค่ใช้ไอเดียในการทำงาน มีคอมพิวเตอร์คุณภาพดี และอินเทอร์เน็ตเอาไว้สื่อสารในการทำงานก็เพียงพอแล้ว
ตัวอย่างงานอาชีพ Marketing
อาชีพในกลุ่มการตลาดดิจิทัลออนไลน์อย่าง SEO Specialist หรือ Ads Optimization เป็นอาชีพที่เน้นการวิเคราะห์ข้อมูลทางการตลาดของช่องทางแพลตฟอร์มออนไลน์ต่าง ๆ อาทิ Google หรือ Facebook เพื่อทำแคมเปญการตลาดให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้คน โดยอาชีพในกลุ่มนี้สามารถทำงานได้จากทุกที่และสามารถเข้าสู่สายอาชีพ Digital Nomad ได้ไม่ยาก
ตัวอย่างงานอาชีพ Creative
สายงานที่เน้นความคิดสร้างคิดสร้างสรรค์อย่าง Content Marketing ก็เป็นอีกหนึ่งสายงานที่สามารถทำงานในรูปแบบ Digital Nomad ได้ เพราะการทำการตลาดด้วยคอนเทนต์วิดีโอ คอนเทนต์ตัวอักษร คอนเทนต์แบบรูปภาพ เป็นงานที่ต้องใช้ความคิดเพื่อผลิตคอนเทนต์ที่มีความแปลกใหม่อยู่เสมอ การได้ออกไปทำงานในสถานที่ที่แตกต่างไปจากเดิมแบบ Digital Nomad อาจทำให้มีไอเดียหรือความคิดสร้างสรรค์ในการทำงานสายนี้ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นก็เป็นได้
อยากเป็น Digital Nomad ต้องมีทักษะอะไรบ้าง
คนที่อยากเป็น Digital Nomad ต้องความรับผิดชอบที่ค่อนข้างสูง เพราะไม่มีการควบคุมการเข้าออฟฟิศหรือการทำงานตามเวลาอย่างพนักงานประจำ อีกทั้งยังมีอิสระในการทำงานได้จากทุกที่ทั่วโลก ดังนั้นจึงต้องมีทักษะด้านการวางแผนควบคู่ไปกับการรับผิดชอบในเรื่องของเวลา การจัดการงาน เพื่อให้ส่งงานได้ทันตามกำหนดนั่นเอง