Google คือ Search Engine ยอดนิยมในไทย ที่ไม่ได้มีประโยชน์แค่ช่วยในการค้นหาข้อมูลต่าง ๆ เท่านั้น เพราะข้อมูลที่อยู่ในระบบของ Google ยังมีประโยชน์ในการนำมาใช้วิเคราะห์และวางแผนทางการตลาดได้อีกด้วย ซึ่งหนึ่งในเครื่องมือที่หลายคนมองข้ามไปก็คือ Google Trends สุดยอด Big DATA ยุคดิจิทัล คลังข้อมูลขนาดใหญ่ที่ทำให้รู้แนวโน้มพฤติกรรมและความสนใจของผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ต รวมถึงช่วยชี้ช่องทางในการทำธุรกิจได้แบบง่ายดาย
Google Trends คือ เครื่องมือของ Google ที่ช่วยในการวิเคราะห์แนวโน้มคำค้นหา (Keyword) ต่าง ๆ โดยนำปริมาณการค้นหาคำบน Web Search, Image Search, News Search, Google Shopping, และ YouTube Search มาคำนวณและแสดงผลเป็นกราฟ เพื่อดูปริมาณการค้นหาคำนั้นในแต่ละช่วงเวลา ซึ่งเราสามารถกำหนดช่วงเวลา พื้นที่ คำที่ต้องการเปรียบเทียบ ประเภทหัวข้อ และเครื่องมือค้นหา ได้ตามต้องการ
Google Trends สามารถเข้าใช้งานฟรีได้ที่ https://trends.google.com/trends/
ตัวอย่างการใช้งาน Google Trends
ลองใส่ Keyword คำว่า “ฝุ่น” และ “ไวรัสโคโรน่า” ลงไป และเลือกพื้นที่ค้นหาเป็นประเทศไทย ระยะเวลา 7 วัน (21 – 27 ม.ค. 63) ก็จะปรากฏกราฟข้อมูลดังภาพ ซึ่งจะเห็นว่า ในช่วงต้นสัปดาห์คำว่า “ไวรัสโคโรน่า” ยังไม่มีการค้นหาที่มากนัก แต่เมื่อมีข่าวการแพร่กระจายและเสียชีวิตด้วยไวรัสโคโรน่า ก็ทำให้ปริมาณของการค้นหาคำ “ไวรัสโคโรน่า” สูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ขณะที่คำว่า “ฝุ่น” จะมีปริมาณการค้นหาสูงในช่วงแรก และลดลงในช่วงหลัง
และเมื่อเลื่อนลงมาด้านล่างจะพบกับหัวข้อคำค้นหาที่เกี่ยวข้อง (Related queries) ซึ่งจะแสดงคำค้นหาที่ผู้ใช้งานค้นหาต่อ หรือมีความเกี่ยวข้องกับคำ Keyword ที่เราได้เลือกไว้
หากลองวิเคราะห์ข้อมูลอย่างง่าย ๆ จะพบว่า “หน้ากากอนามัย” เป็นอีกคำที่มีปริมาณการค้นหาสูงและเกี่ยวข้องกับหัวข้อที่เราสนใจ ดังนั้น เราก็อาจเพิ่มโอกาสทางการตลาดด้วยการขายหน้ากากอนามัยได้
แล้วเราจะใช้ Google Trends อย่างไรให้เกิดประโยชน์ ตามไปดูกันค่ะ
- 1.ตรวจสอบเทรนด์การค้นหาสินค้าและบริการ เพื่อเป็นข้อมูลในการวางแผนธุรกิจได้
- 2.ตรวจสอบความต้องการและความสนใจของผู้บริโภคที่มีต่อสินค้าใหม่ แบรนด์ใหม่ หรือผลตอบรับจากแคมเปญต่าง ๆ ที่เคยทำ
- 3.ใช้วิเคราะห์และวางแผนการทำ SEO และ SEM เรียนรู้เพิ่มเติม ที่นี่
- 4.ใช้ในการวางแผนการทำ Content ให้สอดคล้องกับความสนใจของผู้บริโภค ดูไอเดียการสร้างคอนเทนต์ให้โดนใจ ที่นี่
- 5.เปรียบเทียบกับคู่แข่งสินค้าหรือบริการประเภทเดียวกันในเรื่องของการรับรู้ Branding เช่น แบรนด์เราและคู่แข่งใครมีการค้นหามากกว่ากัน เพื่อวางแผนสร้าง Brand Awareness ต่อไป
- 6.ใช้ค้นหาโอกาสทางการตลาด เช่น สินค้าที่กำลังได้รับความสนใจ สินค้าที่กำลังเป็นที่นิยม
รู้อย่างนี้แล้ว ต่อไปเราก็สามารถใช้ Google Trends ในการช่วยดูแนวโน้มความนิยมที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต เพื่อนำมาวางแผนการตลาดออนไลน์ได้อย่างง่าย ๆ แล้ว
และสำหรับใครที่ต้องการเรียนรู้แบบเจาะลึกการใช้ Google Search รวมถึงการทำ SEO และ SEM ก็สามารถมาเรียนกับ DIGITORY ได้เลยค่า